MioClinic.in.th
: การบำบัดด้วยโบทูลินั่มหรือ Botulinum Toxin หรือ โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ คืออะไร?

MioClinic.in.th

คลินิกเสริมความงาม ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ

การบำบัดด้วยโบทูลินั่มหรือ Botulinum Toxin หรือ โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ คืออะไร?

การบำบัดด้วยโบทูลินั่ม  หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า  Botulinum Toxin หรือ โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ เป็นหัตถการทางการแพทย์  ที่ใช้สารสกัดจากแบคทีเรีย  Clostridium botulinum  ชื่อว่า  โบทูลินั่มท็อกซิน  ซึ่งมีคุณสมบัติ  ในการยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ  โดยการบล็อกสัญญาณประสาท  ที่สั่งการให้กล้ามเนื้อหดตัว

การรักษาด้วยโบทูลินั่มท็อกซิน  แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ  คือ

  1. การรักษาทางการแพทย์

โบทูลินั่มท็อกซิน  ถูกนำมาใช้รักษาโรค  และอาการต่างๆ  ที่เกี่ยวข้องกับ  การทำงานผิดปกติของกล้ามเนื้อ  เช่น

  • โรคทางระบบประสาท: เช่น อัมพาตใบหน้า, ตากระตุก, คอเอียง เป็นต้น
  • ไมเกรน: ช่วยลดอาการปวดหัว และความถี่ในการเกิดไมเกรน
  • เหงื่อออกมากผิดปกติ: เช่น เหงื่อออกมากที่มือ, เท้า, รักแร้ เป็นต้น
  • กล้ามเนื้อกระตุก: เช่น กล้ามเนื้อตา, กล้ามเนื้อใบหน้า เป็นต้น
  • กระเพาะปัสสาวะทำงานมากเกินไป: ช่วยลดอาการปัสสาวะบ่อย และกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
  1. การรักษาเพื่อความงาม

โบทูลินั่มท็อกซิน  เป็นที่นิยมอย่างมาก  ในการรักษาเพื่อความงาม  เช่น

  • ลดเลือนริ้วรอย: เช่น ริ้วรอยหว่างคิ้ว, ริ้วรอยหน้าผาก, ตีนกา เป็นต้น
  • ปรับรูปหน้า: เช่น ยกกระชับใบหน้า, ลดกราม, ปรับรูปหน้าเรียว เป็นต้น
  • ลดขนาดรูขุมขน: ทำให้ผิวดูเรียบเนียน
  • ลดเหงื่อ และความมันบนใบหน้า: ทำให้เครื่องสำอางติดทนนานขึ้น

ข้อดีของการบำบัดด้วยโบทูลินั่ม

  • เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว
  • ไม่ต้องผ่าตัด
  • ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน
  • ผลข้างเคียงน้อย

ข้อจำกัดของการบำบัดด้วยโบทูลินั่ม

  • ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำ ทุก 3-6 เดือน
  • อาจมีผลข้างเคียงบ้าง เช่น รอยเข็ม, บวม, ช้ำ, หน้าแข็ง เป็นต้น

หมายเหตุ:  การฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน  ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ  เพื่อความปลอดภัย  และผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

โบทูลินั่มท็อกซินเพื่อความงาม

โบทูลินั่มท็อกซิน  หรือที่รู้จักกันในชื่อ  “โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์”  เป็นที่นิยมอย่างมาก  ในการรักษาเพื่อความงาม  เนื่องจาก  มีประสิทธิภาพ  และปลอดภัย  โดยมีข้อดี  ดังนี้

  • ลดเลือนริ้วรอย: โบทูลินั่มท็อกซิน ช่วยลดเลือนริ้วรอย ที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น ริ้วรอยหว่างคิ้ว, ริ้วรอยหน้าผาก, ตีนกา เป็นต้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ปรับรูปหน้า: โบทูลินั่มท็อกซิน ช่วยปรับรูปหน้า ให้ดูเรียว และยกกระชับ เช่น ลดกราม, ปรับรูปหน้าเรียว, ยกคิ้ว, ยกมุมปาก เป็นต้น
  • ลดขนาดรูขุมขน: โบทูลินั่มท็อกซิน ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้รูขุมขนเล็กลง ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
  • ลดเหงื่อ และความมันบนใบหน้า: โบทูลินั่มท็อกซิน ช่วยลดการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้หน้ามันน้อยลง และเครื่องสำอางติดทนนานขึ้น

ชนิดของยา

ในประเทศไทย  มียาที่มีส่วนผสมของโบทูลินั่มท็อกซิน  หลายยี่ห้อ  เช่น

  • Allergan (Botox): เป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ใช้ได้ทั้ง การลดเลือนริ้วรอย และการปรับรูปหน้า
  • Neuronox: มีราคาถูกกว่า Allergan (Botox) นิยมใช้ ในการลดเลือนริ้วรอย, ปรับรูปหน้า และรักษาภาวะกล้ามเนื้อตึงตัว เช่น คอเอียง, ตากระตุก เป็นต้น

กลไกการออกฤทธิ์

โบทูลินั่มท็อกซิน  ออกฤทธิ์โดยการ  ยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาท  ที่ชื่อว่า  อะเซทิลโคลีน  ซึ่งเป็นสารที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว  เมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้  ริ้วรอย  ก็จะลดเลือนลง  และใบหน้าจะดูเรียบเนียนขึ้น

ข้อควรระวัง

  • ควรฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
  • ผลลัพธ์ไม่ถาวร อยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน
  • อาจมีผลข้างเคียงบ้าง เช่น รอยเข็ม, บวม, ช้ำ, หน้าแข็ง เป็นต้น

Allergan vs. Neuronox:  โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ ยี่ห้อไหนเหมาะกับคุณ?

Allergan (Botox)  และ  Neuronox  เป็นโบทูลินั่มท็อกซิน  ที่ได้รับความนิยม  ในการรักษาเพื่อความงาม  แต่ละยี่ห้อ  มีข้อดี  ข้อเสีย  และความแตกต่างกัน  ดังนี้

คุณสมบัติ

Allergan (Botox)

Neuronox

ผู้ผลิต

Allergan (USA)

Medytox (Korea)

การรับรอง

FDA (USA), อย. (ไทย)

KFDA (Korea), อย. (ไทย)

ราคา

สูง

ปานกลาง

ความบริสุทธิ์

สูงมาก

สูง

การกระจายตัว

แคบ

กว้าง

ผลลัพธ์

ชัดเจน

ปานกลาง

ระยะเวลา

นาน (6-8 เดือน)

ปานกลาง (4-6 เดือน)

ข้อดี

ผลลัพธ์ชัดเจน, อยู่ได้นาน, ผลข้างเคียงน้อย

ราคาเข้าถึงง่าย, เหมาะกับผู้เริ่มต้น

ข้อเสีย

ราคาสูง

ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนเท่า, อยู่ได้ไม่นานเท่า

โบทูลินั่มท็อกซิน  เหมาะสำหรับใคร?

  1. ผู้ที่ต้องการดูอ่อนเยาว์  ไร้ริ้วรอย

โบทูลินั่มท็อกซิน ช่วยลดเลือนริ้วรอย ที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น ริ้วรอยหว่างคิ้ว, ริ้วรอยหน้าผาก, ตีนกา เป็นต้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียน เป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้ ยังช่วยปรับรูปหน้า ให้ดูเรียว และยกกระชับ เช่น ลดกราม, ปรับรูปหน้าเรียว, ยกคิ้ว, ยกมุมปาก เป็นต้น

  1. ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ  ที่เกี่ยวข้องกับ  การทำงานผิดปกติของกล้ามเนื้อ

โบทูลินั่มท็อกซิน ช่วยรักษาโรค และอาการต่างๆ เช่น อัมพาตใบหน้า, ตากระตุก, คอเอียง, ไมเกรน, เหงื่อออกมากผิดปกติ, กล้ามเนื้อกระตุก, กระเพาะปัสสาวะทำงานมากเกินไป เป็นต้น

ข้อดีของการบำบัดด้วยโบทูลินั่มท็อกซิน

  • เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว
  • ไม่ต้องผ่าตัด
  • ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน
  • ผลข้างเคียงน้อย

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ  เพื่อรับคำแนะนำ  และวางแผนการรักษา  ที่เหมาะสมกับ  ปัญหา  และความต้องการของคุณ

คุณสมบัติของการบำบัดด้วยโบทูลินั่มท็อกซิน

กลไกการออกฤทธิ์:

โบทูลินั่มท็อกซิน ออกฤทธิ์โดยการ ยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาท ที่ชื่อว่า อะเซทิลโคลีน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว

เมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ ริ้วรอย ก็จะลดเลือนลง กล้ามเนื้อที่หดเกร็ง จะคลายตัว และอาการต่างๆ ก็จะดีขึ้น

การประยุกต์ใช้:

ทางการแพทย์: รักษาโรค และอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ การทำงานผิดปกติของกล้ามเนื้อ เช่น อัมพาตใบหน้า, ตากระตุก, คอเอียง, ไมเกรน, เหงื่อออกมากผิดปกติ, กล้ามเนื้อกระตุก, กระเพาะปัสสาวะทำงานมากเกินไป เป็นต้น

ทางความงาม: ลดเลือนริ้วรอย, ปรับรูปหน้า, ลดขนาดรูขุมขน, ลดเหงื่อ และความมันบนใบหน้า

ข้อดี:

  • เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว
  • ไม่ต้องผ่าตัด
  • ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน
  • ผลข้างเคียงน้อย

ข้อจำกัด:

  • ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำ ทุก 3-6 เดือน
  • อาจมีผลข้างเคียงบ้าง เช่น รอยเข็ม, บวม, ช้ำ, หน้าแข็ง, หนังตาตก เป็นต้น

ผลข้างเคียง  และการป้องกัน:

ผลข้างเคียงส่วนใหญ่ เกิดจาก เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง เช่น ฉีดในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม, ฉีดในปริมาณที่มากเกินไป เป็นต้น

ดังนั้น การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

นอกจากนี้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ อย่างเคร่งครัด เช่น ประคบเย็น, งดแต่งหน้า, งดดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น

ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการบำบัดด้วยโบทูลินั่มท็อกซิน

  1. ผลต่อกล้ามเนื้อ

โบทูลินั่มท็อกซิน ช่วยยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว

ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือนลง กล้ามเนื้อที่หดเกร็ง จะคลายตัว และอาการต่างๆ ก็จะดีขึ้น

  1. ผลในการรักษาโรค

โบทูลินั่มท็อกซิน  ช่วยรักษาโรค  และอาการต่างๆ  ที่เกี่ยวข้องกับ  การทำงานผิดปกติของกล้ามเนื้อ  เช่น

  • โรคทางระบบประสาท: เช่น อัมพาตใบหน้า, ตากระตุก, คอเอียง เป็นต้น
  • ไมเกรน: ช่วยลดอาการปวดหัว และความถี่ในการเกิดไมเกรน
  • เหงื่อออกมากผิดปกติ: เช่น เหงื่อออกมากที่มือ, เท้า, รักแร้ เป็นต้น
  • กล้ามเนื้อกระตุก: เช่น กล้ามเนื้อตา, กล้ามเนื้อใบหน้า เป็นต้น
  • กระเพาะปัสสาวะทำงานมากเกินไป: ช่วยลดอาการปัสสาวะบ่อย และกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
  1. ผลด้านความงาม

โบทูลินั่มท็อกซิน ช่วยลดเลือนริ้วรอย ที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น ริ้วรอยหว่างคิ้ว, ริ้วรอยหน้าผาก, ตีนกา เป็นต้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น

นอกจากนี้ ยังช่วยปรับรูปหน้า ให้ดูเรียว และยกกระชับ เช่น ลดกราม, ปรับรูปหน้าเรียว, ยกคิ้ว, ยกมุมปาก เป็นต้น

ระยะเวลาที่ผลลัพธ์อยู่ได้  และความถี่ในการรักษา

ผลลัพธ์ของการรักษาด้วยโบทูลินั่มท็อกซิน จะอยู่ได้นาน ประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับ ชนิดของยา, บริเวณที่ฉีด, และการดูแลตัวเอง

หากต้องการคงผลลัพธ์ จำเป็นต้องฉีดซ้ำ ตามคำแนะนำของแพทย์

ข้อควรระวัง

การฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

อาจมีผลข้างเคียงบ้าง เช่น รอยเข็ม, บวม, ช้ำ, หน้าแข็ง เป็นต้น

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงของการบำบัดด้วยโบทูลินั่มท็อกซิน

แม้ว่าการบำบัดด้วยโบทูลินั่มท็อกซิน  หรือการฉีดโบท็อกซ์  จะเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย  แต่ก็อาจมีความเสี่ยง  และผลข้างเคียง  เกิดขึ้นได้  เช่นเดียวกับหัตถการทางการแพทย์อื่นๆ

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย:

อาการที่บริเวณที่ฉีด: เช่น ปวด, บวม, แดง, ฟกช้ำ, เลือดออก มักเกิดขึ้นชั่วคราว และหายไปเองภายใน 2-3 วัน

ใบหน้าดูแข็ง หรือไม่เป็นธรรมชาติ: อาจเกิดจากการฉีดในปริมาณที่มากเกินไป หรือฉีดในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง

ผลข้างเคียงที่พบได้ยาก:

ผลข้างเคียงที่รุนแรง: เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง, ตาพร่ามัว, พูดลำบาก, หายใจลำบาก, กลืนลำบาก มักเกิดจาก การแพ้ยา, การฉีดในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง, หรือยาแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย

อาการแพ้: เช่น ผื่นคัน, หายใจไม่ออก, หน้าบวม พบได้น้อยมาก

ข้อควรระวัง:

การเลือกแพทย์ผู้มีประสบการณ์: มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง แพทย์ที่มีประสบการณ์ จะสามารถประเมินปัญหา เลือกชนิด และปริมาณของยา รวมถึงเทคนิคการฉีด ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย และตรงใจ

การดูแลตัวเองหลังการรักษา: เช่น ประคบเย็น, งดแต่งหน้า, งดดื่มแอลกอฮอล์, งดอบซาวน่า เป็นต้น จะช่วยลดอาการบวม และรอยช้ำ

หากมีอาการผิดปกติ  หลังการรักษา  เช่น  หน้าบวมมากหายใจไม่ออกกลืนลำบาก  ควรพบแพทย์ทันที

ขั้นตอนการบำบัดด้วยโบทูลินั่มท็อกซิน

  1. ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง

แพทย์จะสอบถามปัญหา ความต้องการ และความคาดหวังของคุณ เช่น ต้องการลดเลือนริ้วรอย หรือปรับรูปหน้า

แพทย์จะซักประวัติ เช่น โรคประจำตัว, ยาที่กำลังรับประทาน, ประวัติการแพ้ยา เป็นต้น

แพทย์จะอธิบาย ความเป็นไปได้ในการรักษา, ชนิดของยา, ผลลัพธ์ที่คาดหวัง, ระยะเวลาที่ผลลัพธ์อยู่ได้, ความเสี่ยง, ผลข้างเคียง, ค่าใช้จ่าย และตอบข้อสงสัยต่างๆ ของคุณ

  1. เตรียมตัวก่อนการรักษา

แพทย์จะประเมินปัญหา และวางแผนการรักษา เช่น เลือกชนิดของยา, ปริมาณยา, และตำแหน่งในการฉีด

แพทย์จะทำความสะอาดผิว และทายาชาก่อนการรักษา เพื่อลดอาการเจ็บ

  1. เริ่มต้นการรักษา

แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็ก ฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน เข้าสู่กล้ามเนื้อ อย่างนุ่มนวล และแม่นยำ

โดยทั่วไป ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด

  1. หลังการรักษา

แพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังการรักษา เช่น ประคบเย็น, งดแต่งหน้า, งดดื่มแอลกอฮอล์, งดนอนราบ เป็นเวลา 4 ชั่วโมง, งดออกกำลังกายหนัก เป็นต้น

ข้อดีของการบำบัดด้วยโบทูลินั่มท็อกซิน

  • เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว ภายใน 2-3 วัน
  • ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • ปลอดภัย ผลข้างเคียงน้อย

ขั้นตอนการรักษาด้วยโบทูลินั่มท็อกซิน

ระยะเวลา:

โดยทั่วไป การรักษาจะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที (อาจใช้เวลานานขึ้น หากรวมการปรึกษาแพทย์ในครั้งแรก)

อาการปวด:

เข็มที่ใช้ในการรักษามีขนาดเล็กมาก ทำให้รู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย หรือแทบไม่รู้สึกเจ็บเลย

หากกังวลเรื่องอาการปวด สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อขอทายาชาก่อนการรักษาได้

การดูแลตัวเองหลังการรักษา:

การล้างหน้าและแต่งหน้า: ควรงดล้างหน้าและแต่งหน้าอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และการเคลื่อนตัวของโบท็อกซ์ หลีกเลี่ยงการสัมผัส นวด หรือกดบริเวณที่ฉีด

การอาบน้ำ: สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ แต่ควรงดอาบน้ำอุ่น หรือน้ำร้อนจัด รวมถึง การอบซาวน่า เป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันโบท็อกซ์แพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น

ข้อดีของการฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน

ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ หลังการรักษา

ผลข้างเคียงและข้อควรระวังในการฉีดโบท็อกซ์ที่เยื่อบุจมูก

การฉีดโบท็อกซ์ที่เยื่อบุจมูก  เป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย  มีผลข้างเคียงน้อยมาก  เนื่องจากโบทูลินั่มท็อกซิน  ออกฤทธิ์เฉพาะที่  โดยจะจับกับปลายประสาท  บริเวณเยื่อบุจมูก  เพื่อยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาท  ที่กระตุ้นให้เกิดน้ำมูก  จึงแทบไม่มีผลข้างเคียงต่อส่วนอื่นๆ ของร่างกาย

ข้อดี:

สามารถล้างหน้า แต่งหน้า อาบน้ำ และออกกำลังกาย ได้ตามปกติ หลังการรักษา

ข้อควรระวัง:

ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ ในวันรักษา เพราะแอลกอฮอล์ อาจทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น และมีผลต่อการออกฤทธิ์ของยา

แม้ว่าโบท็อกซ์ อาจไหลลงคอ แต่ไม่มีผลต่อเยื่อบุคอ หรือการรับรส

หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้, น้ำมูกมีกลิ่นเหม็น, ปวดศีรษะรุนแรง ควรพบแพทย์ทันที

หมายเหตุ:  การฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน  ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ  เพื่อความปลอดภัย  และผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

ข้อควรระวังโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ท็อกซิน

การดูแลตัวเองหลังการฉีดโปรแกรมโบท็อกซ์ ท็อกซิน เป็นสิ่งสำคัญ  เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม  เป็นธรรมชาติ  และป้องกันผลข้างเคียงต่างๆ  โดยมีข้อควรปฏิบัติดังนี้

การดูแลผิวบริเวณที่ฉีด:

งดสัมผัส, กด, นวด: บริเวณที่ฉีด เป็นเวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และการเคลื่อนตัวของโบทูลินั่ม 

ประคบเย็น: ประคบเย็นบริเวณที่ฉีด ประมาณ 15-20 นาที ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดอาการบวม และรอยช้ำ

กิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง:

ออกกำลังกายหนัก: ควรงดออกกำลังกายหนักๆ เช่น การวิ่ง, ยกน้ำหนัก, เล่นกีฬา เป็นต้น ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพราะจะทำให้เลือดสูบฉีด และเกิดอาการบวม ได้ง่าย

ก้มหน้า, นอนราบ: ควรงดก้มหน้า หรือนอนราบ เป็นเวลา 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันโบทูลินั่ม ไหลไปยังบริเวณอื่น

สัมผัสความร้อน: ควรงดอบซาวน่า, อบไอน้ำ, และอาบน้ำอุ่นจัด ในช่วง 2-3 วันแรก เพราะความร้อน จะทำให้หลอดเลือดขยายตัว และเกิดอาการบวม ได้ง่าย

ดื่มแอลกอฮอล์: ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพราะแอลกอฮอล์ จะทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการบวม และช้ำ มากขึ้น

การสังเกตอาการ:

หากมีอาการผิดปกติ หลังการรักษา เช่น หน้าบวมมาก, หายใจไม่ออก, กลืนลำบาก, ตาพร่ามัว, กล้ามเนื้ออ่อนแรง ควรพบแพทย์ทันที

การรักษาซ้ำ:

ผลลัพธ์ของการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซินจะอยู่ได้นาน ประมาณ 3-6 เดือน

หากต้องการคงผลลัพธ์ จำเป็นต้องฉีดซ้ำ ตามคำแนะนำของแพทย์

การปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น  จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์จากการฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน  ที่สวยงาม  เป็นธรรมชาติ  และปลอดภัย

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน

การฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน  แม้จะเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย  แต่ก็มีข้อห้าม  สำหรับบุคคลบางกลุ่ม  ดังนี้

ผู้ที่มีประวัติแพ้โบทูลินั่มท็อกซิน หรือส่วนประกอบอื่นๆ ในยา

ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท และกล้ามเนื้อ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia gravis), Lambert-Eaton syndrome เป็นต้น

สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร

ผู้ที่มีการติดเชื้อ บริเวณที่จะฉีด เช่น สิวอักเสบ, เริม เป็นต้น

ผู้ที่กำลังใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคลายกล้ามเนื้อ, ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เป็นต้น (ควรแจ้งแพทย์ เกี่ยวกับยา และอาหารเสริม ที่กำลังรับประทาน ก่อนการรักษา)

หมายเหตุ:

แพทย์ จะเป็นผู้พิจารณา และประเมินความเหมาะสม ในการรักษา เป็นรายบุคคล

ดังนั้น ก่อนการฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว และยาที่กำลังรับประทาน ให้แพทย์ทราบ อย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการบำบัดด้วยโบทูลินั่มท็อกซิน

  1. การฉีดโบทูลินั่มท็อกซินเจ็บไหม?

โดยทั่วไป  จะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย  หรือแทบไม่รู้สึกเจ็บเลย  เนื่องจากเข็มที่ใช้มีขนาดเล็กมาก  และแพทย์อาจทายาชาก่อนการรักษา  เพื่อลดอาการเจ็บ  ให้มากขึ้น

  1. ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นเมื่อไหร่  และอยู่ได้นานแค่ไหน?

โดยทั่วไป  จะเริ่มเห็นผลลัพธ์  ภายใน 2-7 วัน  และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด  ภายใน 1-2 สัปดาห์  ผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน  ประมาณ 3-6 เดือน  ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย  เช่น  ชนิดของยาบริเวณที่ฉีดและการดูแลตัวเอง

  1. ต้องฉีดซ้ำบ่อยแค่ไหน?

หากต้องการคงผลลัพธ์  จำเป็นต้องฉีดซ้ำ  โดยทั่วไป  แพทย์จะแนะนำให้ฉีดซ้ำ  ทุก 3-6 เดือน

  1. มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น  เช่น  ปวดบวมแดงฟกช้ำ  บริเวณที่ฉีด  มักเกิดขึ้นชั่วคราว  และหายไปเองภายใน 2-3 วัน  ผลข้างเคียงที่รุนแรง  เช่น  กล้ามเนื้ออ่อนแรงตาพร่ามัวพูดลำบากหายใจลำบาก  พบได้น้อยมาก

  1. หลังการรักษา  ดูแลตัวเองอย่างไร?
  • ประคบเย็น บริเวณที่ฉีด
  • งดแต่งหน้า
  • งดนอนราบ เป็นเวลา 4 ชั่วโมง
  • งดดื่มแอลกอฮอล์
  • งดออกกำลังกายหนัก
  • งดอบซาวน่า
  • หากมีอาการผิดปกติ ควรพบแพทย์ทันที
  1. ใครบ้างที่สามารถฉีดโบทูลินั่มท็อกซินได้?

โดยทั่วไป  ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป  สามารถฉีดโบทูลินั่มท็อกซินได้  แต่มีข้อห้าม  สำหรับบุคคลบางกลุ่ม  เช่น  สตรีมีครรภ์สตรีให้นมบุตรผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท  และกล้ามเนื้อ  เป็นต้น  (ควรปรึกษาแพทย์  เพื่อประเมินความเหมาะสม)

ติดต่อ

สอบถามและจอง

ไม่สะดวกเดินทาง? จองคิวปรึกษาแพทย์ออนไลน์ได้ง่ายๆ

ต้องการจองด่วน? ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับผู้เยาว์

เนื่องจากการเสริมความงามเป็นการรักษาเพื่อปรับรูปลักษณ์  มิใช่การรักษาโรค  ทางคลินิกจึงขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง  ในการลงนามยินยอม  ก่อนเข้ารับการรักษา

การรักษาและการทำหัตถการทั้งหมด

หมายเหตุ: สำหรับการรักษาบางรายการ ผู้เยาว์สามารถรับบริการได้ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง

MioClinic.in.th

คลินิกเสริมความงาม ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ โดยทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อตอบโจทย์ความงามที่แตกต่าง

ติดต่อเรา
บทความที่คล้ายกัน
แชร์หน้านี้

IV Drip ที่ Mio Clinic: เติมสารอาหารสู่ผิวและร่างกายอย่างล้ำลึก เพื่อสุขภาพและความงามที่คุณเลือกได้

IV Drip ที่ Mio Clinic: เติมสารอาหารสู่ผิวและร่างกายอย่างล้ำลึก เพื่อสุขภาพและความงามที่คุณเลือกได้ Meta Description: ค้

การบำบัดด้วยโบทูลินั่มหรือ Botulinum Toxin หรือ โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ คืออะไร?

การบำบัดด้วยโบทูลินั่ม  หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า  Botulinum Toxin หรือ โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ เป็นหัตถการทางการแพทย์  ที่ใช

CHANGE LANGUAGE
Powered by
MioClinic.in.th
คลินิกเสริมความงาม ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ โดยทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อตอบโจทย์ความงามที่แตกต่าง
หมวดหมู โปรแกรมความงาม
บริการของเรา

ยกกระชับใบหน้า

บริการของเรา

ปรับรูปหน้า

บริการของเรา

ผิวพรรณ

บริการของเรา

กำจัดขน

บริการของเรา

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

บริการของเรา

บริการอื่นๆ

โหลดหน้าใหม่
คัดลอกลิงก์