การฉีดฟิลเลอร์ คือ การนำสารเติมเต็ม ซึ่งมีส่วนประกอบของไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย มาฉีดเข้าสู่ชั้นผิว เพื่อเติมเต็มร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา ริ้วรอย และ เพิ่มวอลุ่มให้กับใบหน้า เช่น ริมฝีปาก แก้ม คาง
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- เห็นผลลัพธ์ทันที: ผิวดูเรียบเนียน อ่อนเยาว์ หลังการรักษา
- ใช้เวลาพักฟื้นน้อย: สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ หลังการรักษา
- ปลอดภัย: ไฮยาลูโรนิก เป็นสารธรรมชาติ ที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้เอง
การฟิลเลอร์ ช่วยแก้ปัญหา
- ริ้วรอย ร่องลึก บนใบหน้า
- ผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
- ริมฝีปากบาง ไม่เป็นทรง
- แก้มตอบ ขาดวอลุ่ม
- คางสั้น ไม่ได้รูป
การฉีดฟิลเลอร์ เป็นที่นิยม เพราะ
- ทำได้ง่าย: ใช้เวลาไม่นาน และ ไม่ต้องผ่าตัด
- ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ: ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ โดยไม่โป๊ะ
- ปลอดภัย: มีความเสี่ยงต่ำ เมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การฉีดฟิลเลอร์: ปรับรูปหน้า เติมเต็มทุกมิติ
การฉีดฟิลเลอร์ ไม่ได้ช่วยแค่เติมเต็มร่องลึก เช่น ร่องแก้ม หรือ รอยคล้ำใต้ตา เท่านั้น แต่ยังสามารถปรับรูปหน้า ในส่วนต่างๆ เช่น จมูก ริมฝีปาก ให้สวยอย่างเป็นธรรมชาติ
การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึก
- ผู้ที่ต้องการ ริมฝีปากอวบอิ่ม ได้รูป
- ผู้ที่ต้องการ จมูกโด่ง เป็นสัน
- ผู้ที่ต้องการ แก้ม โหนกแก้ม ที่ดูมีมิติ
- ผู้ที่ต้องการ ผิวชุ่มชื้น ดูอ่อนเยาว์
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- เห็นผลลัพธ์ทันที
- ไม่ต้องผ่าตัด
- ใช้เวลาพักฟื้นน้อย
- ปลอดภัย
ยาและผลิตภัณฑ์ที่ใช้: ฟิลเลอร์ Juvederm
Voluma, Volift, Volbella, Volux และ Volite คือ ชื่อรุ่นของฟิลเลอร์ Juvederm ซึ่งเป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้ ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และ มีคุณสมบัติในการเติมเต็มร่องลึก ปรับรูปหน้า และ แก้ปัญหาผิวต่างๆ
แต่ละรุ่น จะมีความแตกต่างกัน ในด้านความเข้มข้น ความยืดหยุ่น และ ขนาดของโมเลกุล ทำให้เหมาะสมกับการใช้ในบริเวณที่แตกต่างกัน ดังนี้
Voluma:
คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็งแรง ยืดหยุ่นสูง ช่วยยกกระชับใบหน้า และ สร้างมิติ
บริเวณที่ใช้: โหนกแก้ม ขมับ คาง กรอบหน้า
Volift:
คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นปานกลาง ช่วยเติมเต็มร่องลึก และ ปรับรูปหน้า
บริเวณที่ใช้: ร่องแก้ม ร่องใต้ตา ขมับ คาง
Volbella:
คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์มีความนุ่ม ละเอียด ช่วยเติมเต็มริ้วรอย และ เพิ่มวอลุ่ม
บริเวณที่ใช้: ริมฝีปาก ร่องใต้ตา ริ้วรอยเล็กๆ
Volux:
คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็งแรงที่สุด ช่วยปรับรูปหน้า และ สร้างโครงสร้างใบหน้า
บริเวณที่ใช้: คาง กรอบหน้า แก้ม
Volite:
คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์มีความเหลว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และ ปรับสภาพผิว
บริเวณที่ใช้: ทั่วใบหน้า ลำคอ หลังมือ
ข้อดีของฟิลเลอร์ Juvederm
- เห็นผลลัพธ์ทันที: ผิวดูเรียบเนียน อ่อนเยาว์ หลังการรักษา
- ใช้เวลาพักฟื้นน้อย: สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ หลังการรักษา
- ปลอดภัย: กรดไฮยาลูโรนิก เป็นสารธรรมชาติ ที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้เอง
หมายเหตุ:
ผลลัพธ์ของการรักษา ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก่อนเข้ารับบริการ
คุณสมบัติของการฉีดฟิลเลอร์
- เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว
กรดไฮยาลูโรนิกออกฤทธิ์เร็ว ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ในการเติมเต็มร่องลึก และปรับรูปหน้าได้ทันทีหลังการฉีด ผิวดูเรียบเนียน อ่อนเยาว์ขึ้น
- เป็นสารธรรมชาติ ปลอดภัย
ไฮยาลูโรนิก เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ จึงมีความปลอดภัยสูง และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ โอกาสเกิดอาการแพ้ต่ำ
- มอบความชุ่มชื้นแก่ผิว
ไฮยาลูโรนิก มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่ง
- ไม่ต้องผ่าตัด
การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาพักฟื้นน้อย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
การฉีดฟิลเลอร์: เติมเต็มความงาม หลากหลายจุดประสงค์
ฟิลเลอร์ ไม่ได้ใช้แค่เติมเต็มร่องลึกบนใบหน้าเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ได้กับหลายบริเวณ เช่น ริมฝีปาก แก้ม คาง จมูก หลังมือ และ เนินอก เพื่อแก้ปัญหา และ ปรับรูปลักษณ์ ให้ดูอ่อนเยาว์ เป็นธรรมชาติ
ผลลัพธ์ที่ยาวนาน
โดยทั่วไป ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ จะอยู่ได้นาน หลายเดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น
- บริเวณที่ฉีด: บางบริเวณ เช่น ริมฝีปาก อาจสลายตัวเร็วกว่าบริเวณอื่นๆ
- ชนิดของไฮยาลูโรนิก: แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น มีคุณสมบัติ และ ระยะเวลาคงอยู่ แตกต่างกันไป
- สภาพร่างกาย: เช่น อายุ การเผาผลาญ
ความปลอดภัย
แม้ว่า การฉีดฟิลเลอร์ จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็อาจมีผลข้างเคียง และ ความเสี่ยง เช่นเดียวกับหัตถการอื่นๆ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก่อนการรักษา เพื่อประเมินความเหมาะสม วางแผนการรักษา และ ทำความเข้าใจข้อควรระวัง
ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ มอบผลลัพธ์ที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด และ เทคนิคที่ใช้ เช่น
- ลดเลือนริ้วรอย: เติมเต็มร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา ริ้วรอย ทำให้ผิวเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์
- เพิ่มวอลุ่ม: เสริมมิติให้กับใบหน้า เช่น ริมฝีปากอวบอิ่ม แก้ม โหนกแก้ม ที่ดูมีมิติ
- เพิ่มความชุ่มชื้น: ผิวดูอิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง สุขภาพดี
ระยะเวลาของผลลัพธ์
โดยทั่วไป ผลลัพธ์ของการฉีดกรดฟิลเลอร์ จะอยู่ได้นาน ประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น
- ชนิดของกรดไฮยาลูโรนิก: แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น มีคุณสมบัติ และ ระยะเวลาคงอยู่ แตกต่างกันไป
- บริเวณที่ฉีด: บางบริเวณ เช่น ริมฝีปาก อาจสลายตัวเร็วกว่าบริเวณอื่นๆ
- สภาพร่างกาย: เช่น อายุ การเผาผลาญ ไลฟ์สไตล์
การฉีดสลายฟิลเลอร์
หากคุณต้องการแก้ไขผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ เช่น รู้สึกว่าฉีดมากเกินไป หรือรูปทรงไม่เป็นธรรมชาติ สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีด Hyaluronidase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยสลายฟิลเลอร์ให้กลับสู่สภาพเดิม
Hyaluronidase เป็นเอนไซม์ที่พบได้ในธรรมชาติทั้งในจุลินทรีย์และสัตว์ มีคุณสมบัติในการสลาย HA จึงนิยมใช้ในการแก้ไขผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ ช่วยลดอาการบวม และปรับรูปทรงให้ดูเป็นธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม Hyaluronidase มีสถานะเป็นของเหลว เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนังแล้ว อาจไหลไปยังบริเวณข้างเคียงและสลายฟิลเลอร์ในจุดที่คุณไม่ได้ต้องการ ดังนั้น การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการฉีดละลาย จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ ไฮยาลูโรนิกจะเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็อาจมีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยความเสี่ยงที่อาจพบได้ มีดังนี้
ความเสี่ยงที่พบบ่อย:
- รอยเข็ม, บวม, ช้ำ: มักเกิดขึ้นบริเวณที่ฉีด และจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน
- ผิวหนังไม่เรียบเนียน: อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป เทคนิคการฉีดที่ไม่เหมาะสม หรือการดูแลตัวเองหลังการฉีดที่ไม่ถูกต้อง
- ใบหน้าไม่สมมาตร: เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่ไม่เท่ากันทั้งสองข้าง
ความเสี่ยงที่พบได้น้อย:
- การติดเชื้อ: อาจเกิดขึ้นได้ แต่พบได้น้อย หากเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และดูแลแผลหลังการฉีดอย่างถูกวิธี
- อาการแพ้: พบได้น้อยมาก เนื่องจากกรดไฮยาลูโรนิกเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายอยู่แล้ว
ลดความเสี่ยง เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะแพทย์ที่มีประสบการณ์ จะช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ และแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนการฉีด เพื่อประเมินความเสี่ยง และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ
ขั้นตอนการเติมเต็มความงามด้วยฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่ช่วยแก้ปัญหา ริ้วรอย ร่องลึก และปรับรูปหน้า ให้ดูอ่อนเยาว์ อย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
แพทย์จะสอบถามปัญหา ความต้องการ และความคาดหวังของคุณ จากนั้นจะประเมินปัญหาผิว และแนะนำชนิดของฟิลเลอร์ ปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงเทคนิคการฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ และปลอดภัยที่สุด
- เตรียมตัวก่อนการรักษา
แพทย์จะทำความสะอาดผิวหน้า และประคบเย็นบริเวณที่จะฉีด เพื่อลดอาการบวม และรอยช้ำ ในบางกรณี อาจมีการทายาชาก่อนการรักษา เพื่อลดอาการเจ็บ
- เริ่มต้นการรักษา
แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็ก ฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ชั้นผิว อย่างนุ่มนวล และแม่นยำ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด
- หลังการรักษา
แพทย์จะนวดเบาๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัว และปรับรูปทรงให้ดูเป็นธรรมชาติ จากนั้นจะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังการรักษา เช่น ประคบเย็น งดแต่งหน้า งดดื่มแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าร้อน เช่น การอบซาวน่า เป็นต้น
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- ปลอดภัย สลายตัวได้เองตามธรรมชาติ
โครงร่างการรักษา
- ระยะเวลา:
โดยทั่วไป การรักษาจะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที (อาจใช้เวลานานขึ้น หากรวมการปรึกษาแพทย์ในครั้งแรก)
- อาการปวด:
เข็มที่ใช้ในการรักษามีขนาดเล็กมาก ทำให้รู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย หรือแทบไม่รู้สึกเจ็บเลย
ในกรณีที่กังวลเรื่องอาการปวด สามารถปรึกษาแพทย์ เพื่อขอทายาชาก่อนการรักษาได้
- การดูแลตัวเองหลังการรักษา:
การล้างหน้าและแต่งหน้า: ควรงดล้างหน้า และแต่งหน้า ทันทีหลังการรักษา เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และการระคายเคือง โดยทั่วไป สามารถล้างหน้า และแต่งหน้าได้ หลังจากผ่านไป 2-3 ชั่วโมง
การอาบน้ำ: ควรงดอาบน้ำ ทันทีหลังการรักษา เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ โดยทั่วไป สามารถอาบน้ำได้ หลังจากผ่านไป 2-3 ชั่วโมง หรือ 24 ชั่วโมง และควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น หรือน้ำร้อน เพื่อป้องกันการอักเสบ
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ หลังการรักษา
ข้อควรระวังหลังการฉีดฟิลเลอร์
การดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์ เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม เป็นธรรมชาติ และป้องกันผลข้างเคียงต่างๆ โดยมีข้อควรปฏิบัติดังนี้
การดูแลผิวบริเวณที่ฉีด:
- ประคบเย็น: ประคบเย็นบริเวณที่ฉีด ประมาณ 15-20 นาที ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดอาการบวม และรอยช้ำ (ควรใช้ผ้าสะอาด หรือเจลเย็น ห่อประคบ เพื่อป้องกันผิวไหม้)
- งดสัมผัส, กด, นวด: บริเวณที่ฉีด ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
- ทาครีมบำรุง: สามารถทาครีมบำรุงผิว ที่อ่อนโยน และไม่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น AHA, BHA, Retinol เป็นต้น
- แต่งหน้า: ควรงดแต่งหน้า ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้น สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่อ่อนโยน และทำความสะอาดผิวหน้า อย่างถูกวิธี
กิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง:
- ดื่มแอลกอฮอล์: ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพราะแอลกอฮอล์ จะทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการบวม และช้ำ มากขึ้น
- ออกกำลังกายหนัก: ควรงดออกกำลังกายหนักๆ เช่น การวิ่ง, ยกน้ำหนัก, เล่นกีฬา เป็นต้น ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพราะจะทำให้เลือดสูบฉีด และเกิดอาการบวม ได้ง่าย
- สัมผัสความร้อน: ควรงดอบซาวน่า, อบไอน้ำ, และอาบน้ำอุ่น ในช่วง 2-3 วันแรก เพราะความร้อน จะทำให้หลอดเลือดขยายตัว และเกิดอาการบวม ได้ง่าย
- โดนแสงแดด: ควรทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดๆ เป็นเวลานาน เพื่อป้องกันผิวหมองคล้ำ และเกิดรอยดำ
การปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น จะช่วยให้แผลหายเร็ว ลดอาการบวม ช้ำ และได้ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์ ที่สวยงาม เป็นธรรมชาติ ดังที่ต้องการ
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ แม้จะเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็มีข้อห้าม สำหรับบุคคลบางกลุ่ม ดังนี้
- ผู้ที่มีประวัติแพ้กรดไฮยาลูโรนิก หรือส่วนประกอบอื่นๆ ในฟิลเลอร์
- ผู้ที่มีการติดเชื้อ หรือมีโรคผิวหนัง บริเวณที่จะฉีด เช่น สิวอักเสบ, เริม, โรคสะเก็ดเงิน เป็นต้น
- สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร
- ผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง เช่น โรคลูปัส, โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น
- ผู้ที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด หรือกำลังใช้ยา ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น เบาหวาน, โรคหัวใจ, โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
หมายเหตุ:
แพทย์ จะเป็นผู้พิจารณา และประเมินความเหมาะสม ในการรักษา เป็นรายบุคคล
ดังนั้น ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว และยาที่กำลังรับประทาน ให้แพทย์ทราบ อย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์
- การฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม?
โดยทั่วไป จะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย หรือแทบไม่รู้สึกเจ็บเลย เนื่องจากเข็มที่ใช้มีขนาดเล็กมาก และแพทย์อาจทายาชาก่อนการรักษา เพื่อลดอาการเจ็บ ให้มากขึ้น
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของฟิลเลอร์, บริเวณที่ฉีด, และการดูแลตัวเอง โดยทั่วไป ผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน ประมาณ 6-18 เดือน
- ต้องพักฟื้นนานไหม?
ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ หลังการรักษา แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรม ที่อาจทำให้เกิดอาการบวม และรอยช้ำ เช่น การออกกำลังกายหนัก, การดื่มแอลกอฮอล์, การอบซาวน่า เป็นต้น
- มีโอกาสแพ้ไหม?
โอกาสแพ้มีน้อยมาก เพราะกรดไฮยาลูโรนิก เป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย แต่หากมีประวัติแพ้ ควรแจ้งแพทย์ก่อนการรักษา
- ฉีดได้ที่บริเวณไหนบ้าง?
สามารถฉีดได้หลายบริเวณ เช่น ร่องแก้ม, ขมับ, ใต้ตา, ริมฝีปาก, คาง, จมูก เป็นต้น เพื่อแก้ปัญหา ริ้วรอย, ร่องลึก, และปรับรูปหน้า ให้ดูอ่อนเยาว์
- ผลลัพธ์เป็นแบบถาวรไหม?
ผลลัพธ์ไม่ถาวร เพราะฟิลเลอร์จะสลายตัวไปเองตามธรรมชาติ หากต้องการคงผลลัพธ์ จำเป็นต้องฉีดซ้ำ ตามคำแนะนำของแพทย์
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- ช่วยแก้ปัญหา ริ้วรอย, ร่องลึก, และปรับรูปหน้า ให้ดูอ่อนเยาว์
- ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
- ปลอดภัย และไม่ต้องพักฟื้น
ไม่สะดวกเดินทาง? จองคิวปรึกษาแพทย์ออนไลน์ได้ง่ายๆ
ต้องการจองด่วน? ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับผู้เยาว์
เนื่องจากการเสริมความงามเป็นการรักษาเพื่อปรับรูปลักษณ์ มิใช่การรักษาโรค ทางคลินิกจึงขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง ในการลงนามยินยอม ก่อนเข้ารับการรักษา
การรักษาและการทำหัตถการทั้งหมด
หมายเหตุ: สำหรับการรักษาบางรายการ ผู้เยาว์สามารถรับบริการได้ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง